แนวโน้มตลาดเรือและการขนส่งพาณิชยนาวี สัปดาห์ที่ 17 (17–25 เม.ย. 68)
อัปเดตแนวโน้มตลาดเรือพาณิชยนาวีสัปดาห์ที่ 17 โดยศูนย์วิจัย AMCOL ชี้ดัชนี BDI ปรับขึ้นต่อเนื่อง ตลาดเรือเทกอง–เรือบรรทุกน้ำมันคึกคัก พร้อมจับตาผลกระทบจากมาตรการภาษีทรัมป์
วันที่ 29 เมษายน 2568 | จัดทำโดยศูนย์วิจัย AMCOL
อัปเดตตลาดเรือประจำสัปดาห์ที่ 17 (17–25 เมษายน 2025)
อ้างอิงจากรายงานโดย Advanced Shipping & Trading
ภาพรวมตลาดเรือ Bulk Carrier: สัญญาณบวกต่อเนื่อง
ตลาดเรือเทกอง (Bulk Carrier) ส่งสัญญาณบวกในสัปดาห์ที่ 17 โดย ดัชนี Baltic Dry Index (BDI) เพิ่มขึ้น 8.88% แตะระดับ 1,373 จุด ซึ่งเป็นผลจากการขยับตัวแรงของกลุ่ม Capesize ที่ปรับเพิ่มถึง 12.57% ตามมาด้วย Panamax และ Supramax ที่เติบโตต่อเนื่อง ส่วน Handysize ยังคงทรงตัว
ตลาดซื้อขายเรือมือสอง: ความต้องการยังแข็งแกร่ง
บรรยากาศในตลาดเรือมือสองยังคงคึกคัก โดยเฉพาะในกลุ่ม Bulk Carrier:
1. เรือ Kamsarmax "Seaduty" ขนาด 82,000 DWT สร้างปี 2008 ถูกซื้อขายที่ราคา 14.25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน
2. เรือ Ultramax "Nord Mamore" สร้างปี 2020 พร้อมติดตั้ง Scrubber ขายได้สูงถึง 30.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนความต้องการเรือที่ตอบโจทย์มาตรฐานสิ่งแวดล้อม
ความเคลื่อนไหวในตลาดเรือ Tanker
ตลาดเรือบรรทุกน้ำมันยังคงมีความเคลื่อนไหวสำคัญ:
1. เรือ LR2 "Mare Nostrum" ขนาด 110,000 DWT ซื้อขายที่ 34.4 ล้านดอลลาร์
2. เรือกลุ่ม MR2 อย่าง “Gulf Elan” และ “Tamiat Navigator” มีการเปลี่ยนมือในราคาที่สอดคล้องกับทิศทางตลาด
ตลาดเรือใหม่: ความต้องการเทคโนโลยีสะอาด
ตลาดเรือใหม่ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีคำสั่งซื้อเพิ่มเติมสำหรับ:
1. เรือ Container Feeder
2. เรือ Gas Carrier ขนาดกลาง
3. พร้อมติดตั้งระบบรองรับเชื้อเพลิงสะอาด เช่น Methanol และ LNG เพื่อตอบสนองกฎสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นในอนาคต
การรื้อถอนเรือ (Demolition): ราคาขยับตามดีมานด์เหล็ก
ราคาขายซากเรือในตลาดอินเดียและบังกลาเทศปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มเรือ Tanker:
1. อยู่ที่ 440–470 ดอลลาร์/ldt
2. สะท้อนถึงความต้องการวัตถุดิบรีไซเคิลที่ยังคงแข็งแกร่ง
ภาวะสินค้าโภคภัณฑ์: ราคาน้ำมันลด-ทองคำเพิ่ม
1. ราคาน้ำมันดิบ ทั้ง Brent และ WTI ลดลงประมาณ 2% จากสัปดาห์ก่อน
2. ทองคำ และ ทองแดง ปรับเพิ่มขึ้นตามแรงกังวลต่อเศรษฐกิจโลก
วิเคราะห์โดย ศูนย์วิจัย AMCOL
แนวโน้มตลาดขนส่งพาณิชย์ในระยะถัดไปยังคงมีปัจจัยสนับสนุนจาก:
1. การฟื้นตัวของกิจกรรมการค้าระหว่างประเทศ
2. การเร่งนำเข้าสินค้าของจีนก่อนช่วงวันหยุดยาวกลางปี
อย่างไรก็ตาม ต้องเฝ้าระวังผลกระทบจาก มาตรการภาษีของสหรัฐฯ (Trump Tariffs รอบล่าสุด) ซึ่งอาจสร้างแรงกดดันต่อต้นทุนการขนส่งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในเส้นทาง Transpacific หากสถานการณ์ยืดเยื้อ อาจส่งผลให้มีการชะลอคำสั่งต่อเรือใหม่ในบางประเภท โดยตลาดในเอเชียและยุโรปอาจได้รับอานิสงส์จากการปรับโครงสร้างเส้นทางการค้าเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว
อ่านรายงานฉบับเต็ม (Advanced Shipping & Trading – Week 17) ได้ที่ไฟล์แนบ
ติดตามการอัปเดตรายสัปดาห์จาก #ศูนย์วิจัยAMCOL ได้ที่
www.amcol.ac.th/News