FED คงดอกเบี้ย จับตา Supplychain โลกป่วน
“Flat Rates, Rough Waters: Fed Stays Put as Supply Chains Suffer”
08 พ.ค. 68 l ศูนย์วิจัย AMCOL
“เฟดเบรกดอกเบี้ย แต่เทรดโลกสั่นสะเทือน คงอัตราดอกเบี้ยที่ 4.25–4.50%” เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 4.25%–4.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แต่ได้เตือนถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเฉพาะอัตราเงินเฟ้อและการว่างงานที่อาจสูงขึ้น อันเป็นผลมาจากนโยบายภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ระบุว่า ยังไม่ชัดเจนว่าเศรษฐกิจจะสามารถเติบโตต่อไปได้อย่างมั่นคง หรือจะชะลอตัวลงจากความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นและความเป็นไปได้ของเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น เขาเน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนของผลกระทบจากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ โดยกล่าวว่า “ขอบเขต ขนาด และความคงทนของผลกระทบเหล่านั้นยังไม่แน่นอนอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่ชัดเจนเลยว่าการตอบสนองที่เหมาะสมของนโยบายการเงินควรเป็นอย่างไรในเวลานี้” แม้ว่าเศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวในอัตราที่มั่นคง แต่ Fed ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นทั้งในด้านเงินเฟ้อและการว่างงาน ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ
สัญญาณ Stagflation แวะมาเคาะประตู?
นักวิเคราะห์บางรายแสดงความกังวลเกี่ยวกับภาวะ “stagflation” ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เงินเฟ้อสูงขึ้นพร้อมกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ Julia Hermann นักกลยุทธ์ตลาดโลกจาก New York Life Investments กล่าวว่า ความสามารถของ Fed ในการลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจถูกจำกัดโดยความเสี่ยงของเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และในทางกลับกัน ความสามารถในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อก็ถูกจำกัดโดยความเสี่ยงของการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ตลาดการเงินตอบสนองต่อการตัดสินใจของ Fed ด้วยความผันผวน โดยดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในช่วงท้ายของการซื้อขาย ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลง และค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และจีนมีกำหนดจะจัดการเจรจาการค้าในช่วงสุดสัปดาห์ที่สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นความพยายามในการลดความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองประเทศ
โดยรวมแล้ว Fed ยังคงรักษาจุดยืนที่ระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการเงิน ท่ามกลางความไม่แน่นอนที่เกิดจากนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง
วิกฤตทะเลโลก: เมื่อพาณิชยนาวีโดนลูกหลง
เฟดคงดอกเบี้ยไว้ระดับเดิม สะท้อนความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการขนส่งทางทะเลทั่วโลก ปริมาณเรือขาเข้าสหรัฐฯ ลดลงกว่า 40% สายเดินเรือต้องยกเลิกเที่ยวเรือจำนวนมาก ค่าธรรมเนียมเรือและอุปกรณ์จากจีนพุ่งสูง สร้างต้นทุนใหม่แก่สายการเดินเรือ ผู้ประกอบการต้องเปลี่ยนเส้นทาง หรือลดความเสี่ยงด้วยคลังสินค้าศุลกากร ไทยควรเร่งกระจายตลาด ส่งเสริมความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน
ไทยต้องทำอะไร?
ในบริบทของประเทศไทย ศูนย์วิจัย AMCOL แนะนำให้
✅ เร่งกระจายตลาดส่งออก ไม่พึ่งพาจีนหรือสหรัฐฯ เพียงลำพัง
✅ ส่งเสริมคลังสินค้าศุลกากร (Bonded Warehouse) เพิ่มความยืดหยุ่น
✅ ลงทุนในเทคโนโลยี Supply Chain Resilience
✅ ดันนโยบายพาณิชย์ทางเลือกในภูมิภาคอาเซียนและอินเดีย