เรือใหญ่ต่อไม่ทัน! ตลาดคำสั่งซื้อเรือใหม่ทั่วโลกทรุด 54%
“Global Newbuilding Orders Sink 54% – China Loses Ground in Shipbuilding Race"
21 ก.ค. 68 l ศูนย์วิจัย AMCOL
ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 อุตสาหกรรมต่อเรือของจีนเผชิญความเปลี่ยนแปลงสำคัญ เมื่อสัดส่วนคำสั่งต่อเรือใหม่จากทั่วโลกที่เคยสูงถึง 72% ลดลงเหลือเพียง 52% ในระยะเวลาเพียงหกเดือน ปัจจัยสำคัญที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของลูกค้าระหว่างประเทศ คือความไม่แน่นอนจากมาตรการของสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะการเตรียมบังคับใช้ “ค่าธรรมเนียมท่าเรือ” กับเรือที่มีความเกี่ยวข้องกับจีน ไม่ว่าจะเป็นเรือที่มีเจ้าของหรือผู้ดำเนินการเป็นคนจีน หรือเรือที่ต่อขึ้นจากอู่ต่อเรือในประเทศจีน
มาตรการดังกล่าวซึ่งกำหนดเริ่มใช้ในเดือนตุลาคม 2025 สร้างแรงกระเพื่อมต่อภาคอุตสาหกรรมเดินเรือในวงกว้าง โดยแม้จะมีการยกเว้นเรือขนาดเล็กบางประเภทและเส้นทางระยะสั้น แต่ก็ไม่เพียงพอจะลดความกังวลของผู้ประกอบการ ทำให้แนวโน้มการสั่งต่อเรือจากจีนชะลอตัวลงชัดเจน
ในภาพรวม ตลาดต่อเรือโลกเองก็เผชิญแรงกดดันเช่นกัน โดยปริมาณคำสั่งต่อเรือวัดในหน่วย Compensated Gross Tonnage (CGT) ลดลงถึง 54% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เรือบรรทุกสินค้าแห้งเทกอง (bulk carrier), เรือบรรทุกน้ำมัน (tanker) และเรือบรรทุกก๊าซ (gas carrier) เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากอัตราค่าระวางที่อ่อนตัว ขณะที่ภาคส่วนเรือคอนเทนเนอร์และเรือสำราญกลับยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้จะถูกท้าทายจากสถานการณ์ดังกล่าว จีนยังคงครองสถานะผู้นำในอุตสาหกรรมต่อเรือโลก แทบจะครบทุกประเภท ยกเว้นภาคเรือสำราญที่ยังตามหลังประเทศอื่น ในปี 2024 จีนเป็นอันดับสองรองจากเกาหลีใต้ในตลาดเรือขนส่งก๊าซ และในปี 2025 เกาหลีใต้ยังสามารถแซงหน้าจีนในตลาดเรือบรรทุกน้ำมันดิบอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการหลีกเลี่ยงการสั่งต่อเรือจากจีนยังมีข้อจำกัด เนื่องจากอู่ต่อเรือในประเทศอื่นมีขีดความสามารถไม่เพียงพอ หากไม่มีการชะลอตัวของตลาดโลกในช่วงต้นปี สัดส่วนคำสั่งซื้อของจีนอาจสูงกว่านี้มาก
ข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตยังส่งผลให้คำสั่งซื้อเรือใหม่ส่วนใหญ่ต้องรอส่งมอบนาน โดยเฉพาะเรือขนาดใหญ่ เช่น เรือคอนเทนเนอร์ เรือก๊าซ และเรือสำราญ ในปีนี้มีคำสั่งซื้อถึง 31% ที่มีกำหนดส่งมอบในปี 2027, อีก 38% ในปี 2028 และอีก 23% ต้องรอถึงหลังจากนั้น
ในขณะเดียวกัน เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตอันดับสองและสามของโลก กลับเผชิญกับปัญหาขาดแคลนแรงงานจากภาวะประชากรลดลง ทำให้ต้นทุนแรงงานสูงขึ้น และลดทอนความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว
แม้ว่าจีนจะยังคงเป็นผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรมนี้ แต่การแข่งขันในอนาคตเริ่มส่งสัญญาณชัดเจน โดยเฉพาะจากประเทศที่มีต้นทุนแรงงานต่ำอย่างฟิลิปปินส์และเวียดนาม ซึ่งเริ่มขยับขยายกำลังการผลิตในเรือประเภท bulk และ tanker แล้ว ขณะที่สหรัฐอเมริกาและอินเดียเองก็มีความพยายามฟื้นฟูและสร้างฐานการผลิตภายในประเทศ แต่การเพิ่มขีดความสามารถอย่างเป็นรูปธรรมอาจต้องใช้เวลาอีกหลายปี
ที่มา : https://www.bimco.org/news-insights/market-analysis/shipping-number-of-the-week/2025/0716-snow/